ฺBlockchain ประเภทต่าง ๆ มีอะไรบ้างและแบบไหนดีที่สุดสำหรับคุณ?
Blockchain คืออะไร?
Blockchain เป็นวิธีการเก็บข้อมูลบัญชีรูปแบบหนึ่ง ลองนึกภาพง่าย ๆ ว่าพอมีธุรกรรม การซื้อขายใหม่ ๆ เข้ามา มันก็จะถูกกองรวม ๆ กันไว้ พอรวมได้จำนวนหนึ่งเราก็จะจัดบรรจุธุรกรรมเหล่านั้นลงกล่องบัญชี (Block) และทำการปิดกล่อง พอเราปิดกล่องเสร็จ เราก็จะได้กล่องใหม่หรือ Block ใหม่ขึ้นมานั้นเอง สิ่งที่ทำให้ Blockchain ต่างจากการเก็บบัญชีแบบอื่นคือ เราไม่ได้กลับไปเปิดกล่องบัญชีเก่าเพื่อแก้หรืออัพเดทข้อมูลธุรกรรม แต่กล่องธุรกรรมใหม่จะถูกสร้างขึ้นเรื่อยๆไปในทางเดียว โดยจะเชื่อมและอ้างอิงกับกล่องเก่าอยู่เสมอ ในลักษณะของกล่องหลายๆกล่องที่มีโซ่เชื่อมกัน มันถึงเรียกว่า Blockchain นั้นเอง เรา101หารายได้จะมาเล่าให้ฟัง
Blockchain 3 ประเภท ที่เราต้องทำความรู้จัก!
- Public Blockchain
Blockchain ประเภทนี้เป็น Blockchain ที่เรารู้จักกันดีเช่น Bitcoin, Ethereum ซึ่งเป็น Blockchain ที่ใช้งานจริงกับคนทุกคนทั่วโลก ข้อดีของ Blockchain ประเภทนี้คือ ทางองค์กรของคุณไม่จำเป็นที่จะต้องลงทุนในราคาสูง เช่นถ้าเราใช้ Ethereum มาเป็นที่รับและส่งข้อมูล จากนั้นก็เก็บข้อมูลไว้เรียกขึ้นมาดู เราก็ไม่ต้องลงทุนซื้อ Harddisk และเครื่อง Server ตั้งแต่แรก เราเพียงแค่จ่ายค่าการรับส่งและเก็บข้อมูลตามการใช้งานจริงเท่านั้นคล้ายๆกับค่าโทรศัพท์แบบเติมเงินที่ใช้เท่าไรก็จ่ายไปเท่านั้นนั้น แต่ข้อเสียของ Blockchain ประเภทนี้คือหากข้อมูลที่เราใส่เข้าไปใน Public Blockchain นั้นจะกลายเป็นว่าข้อมูลนั้นโดนเปิดเผยแก่สาธารณะชน เราก็ต้องมาคิดวิธีการในการปิดข้อมูลของเราเองก่อนอีกทีซึ่งทำให้เกิดความยุ่งยากวุ่นวายตามมาได้เช่นกัน
- Private Blockchain
Blockchain ประเภทนี้คือ การสร้าง Blockchain ขึ้นมาเองเลยภายในองค์กรใช้งานกันเองโดยค่อนข้างมีความส่วนตัวเมื่อเทียบกับ Blockchain ประเภทที่แล้ว ซึ่งอาจจะต้องเป็นบริษัทในเครือเท่านั้นที่มีสิทธิเข้าถึง Blockchain วงนี้ได้ อย่างนี้ก็จะลดปัญหาการเปิดเผยข้อมูลที่เราเจอได้ แต่ก็แลกมาด้วยการที่องค์กรต้องลงทุนในการสร้างระบบ Infrastructure ขึ้นมาให้รองรับการทำงานภายนองค์กร ซึ่งก็มีความท้าทายในการดูแลรักษา และเม็ดเงินที่องค์กรจะต้องลงทุนอีกเช่นกัน
- Consortium Blockchain
Blockchain ประเภทนี้คือการรวมกันของ 2 ประเภทแรกเข้าด้วยกันเป็นการผสาน ระหว่างความเป็นสาธารณะและความเป็นส่วนตัวเข้าด้วยกันและเหมือนจะเป็นการรวมข้อดีเข้ามาด้วยกัน ซึ่งประเภทนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างสูงในปัจจุบัน เช่น Consortium Blockchain สำหรับธนาคารใช้ในการแลกเปลี่ยนข้อมูลการโอนเงินกันภายในสมาคมธนาคารด้วยกัน และธนาคารที่จะเข้ามาร่วมในวงได้ต้องได้รับการอนุญาตจากตัวแทนเสียก่อนถึงจะมีสิทธิเข้าถึงการใช้งานร่วมกันได้ข้อดีที่เห็นได้ชัดเจนคือ ธนาคารไม่ต้องกลัวว่าข้อมูลสำคัญขององค์กรและลูกค้าจะกลายเป็นข้อมูลสาธารณะและในเรื่องการลงทุน Infrastructure ก็ลดลงไม่เหมือนการสร้าง Blockchain แบบส่วนตัวขึ้นมาเองภายในองค์กรที่มีต้นทุนไม่ต่างกับลงทุนทำระบบใหญ่ๆ ซักหนึ่งระบบ แต่ก็แลกมาด้วยความไม่คล่องตัวในการปรับปรุงเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขการใช้งานต่างๆ เพราะอาจจะต้องผ่านมติเห็นชอบในสมาคม
หากจะถามว่าแล้วคุณควรเลือกแบบไหนที่ดีที่สุดสำหรับคุณ ทั้งนี้ทั้งนั้นคุณต้องมองกับไปว่าคุณเข้าใจและมีความรู้เกี่ยวกับBlockchainตัวไหนมากที่สุด เพื่อที่คุณจะได้วางแผนการใช้งาน หรือหากคิดว่ายังไม่สามารถนำไปปรับใช้กับคุณได้ คุณก็ควรศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม
ขอขอบคุณผู้สนับสนุนเราหวยออนไลน์ล็อตโต้สด888
